SF Junseung # Good Bye My Love
ความตายพรากเค้าไปจากผม... แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือความรักที่ผมมีให้กับเค้าเท่านั้น...
ผู้เข้าชมรวม
1,064
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
SF Junseung # Good Bye My Love
“อย่าเพิ่งไปไม่ได้หรอครับ”
“ผมมีเรียนสิบเอ็ดโมง”
“อืออ อยู่ต่อหน่อยไม่ได้หรอ? เดี๋ยวชั้นเพิ่มเงินให้ก็ได้…”
“ผมไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง!”
“...”
“...”
แอ๊ดด~
“จุน...พรุ่งนี้มาหาชั้นอีกได้ไหม?”
“ผมรับงานกับทางร้าน...ไม่รับงานเอง”
“เย็นชาจังนะ”
“ไม่พอใจก็ไม่ต้องเรียกใช้สิครับ”
ปึง~
น่าเบื่อจริงๆกับพวกลูกค้าเอาแต่ใจ ผมไม่ใช่คนที่ชอบเอาใจใครสักเท่าไรนอกจากงานเท่านั้นแหละที่ยอมตามใจให้ แต่พอจบงานลูกค้าที่ผมบริการก็จะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ผมไม่จำเป็นที่จะรู้จัก หลายคนคงสงสัยว่าผมเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยแคร์ลูกค้าแล้วไม่กลัวเสียลูกค้าเหรอ? ผมบอกได้คำเดียวว่าไม่แคร์...เพราะโฮสอันดับหนึ่งของคลับอย่าง ยง จุนฮยอง จะให้มาแคร์กับอีแค่ลูกค้าคนเดียวมันคงเสียเวลาแย่ มีคนรอให้ผมให้บริการอีกนับร้อยถ้าใครมีปัญหาหรืออยากผูกสัมพันธ์ทางใจบอกได้คำเดียวมันเป็นไปไม่ได้...แต่ถ้าเขาเกิดมาหลงรักผมเองอันนั้นก็ช่วยไม่ได้ คุณซวยแล้วหละที่คิดจะมาพัวพันกับโฮสผู้ช่ำชอง...
“ไงดูจุน?”
[วันนี้เข้าเรียนไหม?]
“ไม่อะ รับงานมาทั้งคืน..ง่วงหวะอยากพัก ฝากเช็คชื่อด้วยนะเพื่อน...ขอบใจ”
[เฮ้ยมึ...]
“ติ๊ด!” แม้ว่าผมจะมีงานทำแล้วก็เถอะ แต่ผมก็อยากมีงานทำที่มั่นคงกว่านี้ ผมเรียนด้านวิทย์-คอมฯ ปีสองแล้วครับ แต่ช่วงนี้ผมไม่ได้เข้าเรียนมาเกือบอาทิตย์แล้วหละ ใกล้ถึงวันเกิดน้องสาวต้องรีบผลิตเงินซื้อของขวัญ ผมไม่ได้รวยนี่ครับทำไงได้...
ครืดด~ ครืดดด~
“ครับ?”
[นั้น...ใช่จุนฮยองหรือเปล่าครับ]
“ใช่...แล้วนั้นใคร?”
[.....]
“พูดดิ...ไม่พูดวางนะ!”
[.....]
ติ๊ด! ไม่ได้ขู่ ทำจริงๆครับ บ่อยมากกับไอพวกชอบโทรมาแล้วก็ไม่พูด ไม่รู้บ้านอยู่องค์การโทรศัพท์หรือไง? วันนี้ผมไม่มีเรียนแล้ว...ไม่สิมีแต่ผมไม่เรียน -_- น้องๆอย่าทำตามนะครับมันไม่ดี กลับห้องไปนอนเอาแรงดีกว่า เย็นนี้คงต้องไปนั่งปั้นหน้าทำงานอีกตามเดิม…
ครืดด~ ครืดดด~
ทันทีที่ผมก้าวขาเข้าห้อง เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดิมกับเมื่อชั่วโมงที่แล้วโทรมาหาผมอีกครั้ง
“มีอะไรก็ว่ามา!”
[เออ...นี่ผมรบกวนจุนฮยองหรือเปล่าครับ?] เสียงหวานน่าฟังปลายสายเอ่ยสั่นๆอย่างหวาดกลัว
“อ่า...เปล่าครับเปล่า ก็เห็นว่าตอนแรกโทรมาแล้วไม่พูดผมก็นึกว่าพวกก่อกวน” แล้วทำไมผมจึงยอมอ่อนลงให้กับเสียงหวานนั่นด้วยก็ไม่รู้
[เออ...คือ...]
“มีอะไรกับผมหรอครับ?”
[คือ...ผมได้ข่าวว่าจุนฮยองเป็นโฮสใช่ไหมครับ?]
“แล้วทำไมหรอ?”
[คือ...ผมอยากให้คุณมาที่ห้องผมได้ไหม?]
“ผมไม่รับแขกเอง...ถ้าอยากให้บริการก็มาติดต่อทางร้านเองสิ”
[......] เสียงจากปลายสายเงียบไปนาน ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาให้ผมได้ยินเลย
“อืม...ผมว่างราวๆทุ่มหนึ่งได้ไหมครับ?” ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่อะไรบางอย่างในใจมันสั่งให้ผมไปหาเขา แล้วก็ไอที่ว่าว่างทุ่มหนึ่งเนี้ยก็โกหกด้วยสิ ผมเป็นบ้าอะไรเนี้ย!!
[จริงหรอครับ! จุนฮยองจะมาหาผมจริงๆหรอ!] เสียงที่ดูดีใจของคนๆนั้นจู่ๆก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ง่ายๆ ผมไม่ใช่คนยิ้มง่ายใครๆก็รู้ แล้วผมก็รู้ตัวเองด้วย แต่ตอนนี้ผมยิ้มอยู่...ผมเป็นอะไรอีกแล้วเนี้ย?
“ครับๆ แล้วจะให้ไปหาที่ไหน?”
[ที่คอนโดYYY ห้อง 801 ครับ]
“โอเคได้ครับ...เท่านี้นะผมอยากพักผ่อน แล้วเจอกันครับ”
[ครับ! ขอบคุณมากครับ!] เอาอีกแล้วผมยิ้มอีกแล้วหรอเนี้ย ทั้งๆที่ผมได้ยินเสียงคนๆนี้ครั้งแรก ไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ แล้วเขาชื่ออะไรหว่า? ลืมถามซะได้ ไม่เป็นไรเย็นนี้ก็รู้จักแล้วหละ คนๆนี้ต้องมีอะไรดีแน่ๆเลย...
ติ๊ด~ ติ๊ด~ ติ๊ด~
นาฬิกาปลุกเตือนให้ผมรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวไปหาคนที่ผมไม่รู้จักแล้วหละ ผมจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว ปะพรมน้ำหอมแล้วรีบบึ่งรถออกไปยังคอนโดYYY ห้อง801เป้าหมายของผมทันที
รถแท็กซี่จอดลส่งผมลงที่ทางเข้าคอนโดขนาดพอดีไม่ถือว่าหรูหรานัก แต่ก็ไม่ได้เรียบไปซะทีเดียวที่นี่ไม่มีรปภ.กันคนภายนอกเข้า ผมจึงสามารถขึ้นไปยังห้องของแขกวันนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่นานลิฟก็เคลื่อนตัวมายังชั้นที่ 8 ผมรีบก้าวไปยังห้องริมสุดของชั้นนี้
ตอนนี้เวลา 19.55 น. ผมมาเร็วไปหรือเปล่านะ แต่ช่างเหอะมาถึงที่นี้แล้วจะมาฟอร์มเอาอะไร อยากรู้นักว่าคนที่ทำให้ผมกระตือรือร้นคนนี้เป็นใครกัน?
“ก๊อก...”
“แอ๊ด~” เร็วไปไหมครับ ผมยังเคาะประตูไปแค่ทีเดียวเอง เหมือนว่าเขารอการมาของผมเลยแหะ
เจ้าของห้องเปิดประตูออกมากว้างพอให้ผมเข้าไปได้ ในห้องนั้นมืดสนิท เค้าอยู่ยังไงไฟไม่ยอมเปิด
“เออ...ผมจุนฮยอง”
“ครับๆ ผมทราบแล้ว...คุณ!...จุน!...นายมาจริงๆด้วย!!”
พรึบ~
“ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...นายจริงๆใช่ไหมจุนฮยอง...” ทันทีที่ผมเข้ามาในห้องเขา เขาก็โผ่กอดผมเต็มแรง อะไรว่ะอึดอัด ผมไม่ชอบให้ใครมากอดแบบนี้นอกเสียจากตอนที่มีอะไรกันเท่านั้น แต่กับคนคนนี้ผมไม่กล้าที่จะผลักเขาออก ได้แต่ยืนอยู่แบบนั้นแล้วก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าผมจะทำมันลงไปนั้นคือการยกมือขึ้นตอบกลับผู้ชายตัวบางตรงหน้าผม
“ใช่...ผมจุนฮยองเองคุณไม่ได้ฝันไปหรอก”
“จุน...” แรงกอดของเขาเพิ่มมากขึ้น เขารู้จักผมงั้นหรอ? แล้วเขาเป็นใครกัน?
“ทำไมไม่เปิดไฟในห้องหละ”
“อ่า...ผมเพิ่งกลับมาหนะ แล้วจุนฮยองก็มาพอดี ก็เลยยังไม่ได้เปิด”
“ไปเปิดไฟก่อนนะครับ แล้วเราค่อยคุยกัน” เอาอีกแล้ว... ผมยิ้มให้เขาผ่านความมืด แล้วผลักเขาออกห่างจากตัว ถึงแม้ว่าในห้องจะมืดแต่ผมก็พอมองเค้าหน้าเขาได้ ถือว่าหน้าตาดีทีเดียวเลยหละครับ ผมสีสว่างตัดสั้นกับผมหน้าระหน้าผาก ถ้าเห็นหน้าชัดๆคงน่ารักน่าดูเลย
“จุนมานั่งในห้องนอนผมก่อนก็ได้นะครับ” ตามคาดเป๊ะ!! พอไฟสว่างปุ๊บ เขาหน้าตาดีทีเดียว ผมสีส้มสดนั้นขับให้ผิวเนื้อเนียนขาวมากขึ้น แต่ผิดคลาดที่เค้าดูสวย...นี่เค้าเป็นผู้ชายหรือว่าทอมกันแน่นะ?
“ผมชื่อฮยอนซึง จาง ฮยอนซึงครับ” เค้าแนะนำตัวเองหลังจากที่ลดตัวลงนั่งบนเตียงนอนข้างๆกับผม
“ฮยอนซึง~แล้วคุณรู้จักผมได้ไง”
“จุน เราอยู่มหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันหนะ ผมเลยรู้จักจุน”
“จริงดิ! ไมผมไม่เคยเจอคุณเลย” เพิ่งสังเกตแหะว่าฮยอนซึงใส่ชุดนักศึกษาแถมตราสัญลักษณ์ยังเหมือนกับที่ผมใช้เลย -*-
“ผมไม่ใช่คนเด่นอะไร จุนเลยไม่รู้จักผมหรอก”
“....” เป็นไปได้ไง หน้าตาสวยและน่ารักขนาดนี้ผมจะไม่เคยเห็น พอผมไม่ได้ตอบอะไรทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ยิ่งผมได้มองฮยอนซึงใกล้ๆแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกดีแบบแปลกๆแหะ ผมว่าผมคงตกหลุมรักเค้าแล้วหละมั่ง ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ไม่ได้สวยแบบผู้หญิงนะ ถ้าสวยแบบนั้นผมเห็นมาเยอะแล้ว แต่ฮยอนซึงสวยแบบมีเสน่ห์ในความเป็นชาย น่าทะนุถนอมมากกว่าผู้หญิงอีก
“ขอโทษนะครับ ผมพูดไม่ค่อยเก่ง จุนฮยองคงจะเบื่อสินะ”
“ไม่หรอก...” แค่มองหน้านายก็ไม่เบื่อแล้ว ให้มองทั้งวันก็ไหวครับ -..-
“งั้น...เริ่มเลยนะ” เป็นปกติถ้าแขกเรียกผมมาสิ่งที่ทุกๆคนต้องการจากโฮสก็คือเซ็กซ์ ฮยอนซึงน่าจะไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านนี้ ผมเลยเริ่มรุกเค้าก่อน ผมเลื่อนมือออกไปดันแผ่นอกบางเพื่อปลุกอารมณ์ในตัวของคนสวยตรงหน้าผม แต่จู่ๆเขาก็คว้ามือผมไว้แล้วพูดขึ้นมา
“ไม่! จุนฮยองอย่า!”
“อ่าว แล้วถ้าไม่ให้ผมทำแบบนี้แล้วเรียกผมมาทำไม?”
“แค่...แค่อยากให้จุนฮยองช่วยมาอยู่ข้างๆตอนผมหลับได้ไหม...พอผมหลับแล้วจุนจะไปก็ได้” ดูแล้วตาตอนพูดกับผม ฮยอนซึงเขาคงเป็นคนขี้เหงาน่าดูเลย
“อืมม ก็ได้ถ้าฮยอนซึงต้องการ งั้นนอนเถอะนะเดียวผมจะนั่งอยู่ข้างๆเตียงคุณเองนะครับ”
“ขอบคุณครับ...จุน...” คยสวยเอนตัวลงนอนราบไปกับที่นอน แล้วนี่ผมมาทำบ้าอะไรเนี้ย ยอมปฏิเสธงานที่ร้านเพื่อมานั่งเฝ้าคนๆเดียวหลับเนี่ยนะ แล้วก็ดันทำตามซะด้วยผมถ้าจะบ้าไปแล้วจริงๆ
“จุนนี่...” 0.0 เสียงเรียกนั้น ยอมรับครับผมเขินนะไม่เคยมีใครเรียกชื่อผมซะน่ารักขนาดนี้ นายมันตัวป่วนจริงๆฮยอนซึง!
“ครับ...ซึงอา”
“ขอมือ...ขอจับมือนายนอนได้ไหม?” เอาอีกแล้ว แค่จับมือเองจุนฮยองแล้วทำไมต้องมาเขินด้วยเล่า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยจับ เคยจูบใครเค้ามาทั่ว แต่อีแค่จับมือกับฮยอนซึงเขินทำบ้าอะไรวะ
“อา...ขอมากไปใช่ไหม ไม่เป็นไรๆผมนอนแล้วนะ” เขาคงเสียเซลน่าดูนอนหันหลังให้ผมเลย
“อะ! จุนฮยอง!”
“กอดได้ไหม? ผมง่วงขอนอนด้วยคนนะครับฮยอนซึง”
“....”
“ผมกอดคุณได้ใช่ไหมครับ?” เล่นเงียบแบบนี้ผมก็ใจไม่ดีสิครับ ถ้าเขาไม่ต้องการหน้าแตกเลยนะนั้น
“อะอืม” ตอนแรกว่าจะกอดไว้จากด้านหลัง ผมยอมรับแล้วครับว่าถูกใจคนๆนี้มาก เลยออกแรงพลิกตัวฮยอนซึงให้เข้ามาหาผม ตาสวยเบิกกว้างมากกว่าเดิม ดูแล้วน่ารักดีขอแกล้งคนสวยอีกหน่อยละกัน
“อืม” ทันทีที่ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ฮยอนซึงรีบก้มหน้าหลบทันที ส่งผลให้ตอนนี้เค้าเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมโดยปริยาย ผมนอนกอดเขานานพอควร คิดว่าเขาคงจะหลับแล้ว ถามว่าผมจะกลับบ้านไหม? กลับทำไมมีอาหารใจมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ไปก็โง่แล้วหละ...
“จุนนี่...เงินอยู่หน้าตู้กระจกนะ หยิบไปได้เลย” อ่าวเค้ายังไม่หลับ
“นอนเถอะครับ ดึกแล้ว” ผมก้มลงไปจูบเปลือกตาคนสวยของผมครั้งหนึ่งแล้วกระชับกอดฮยอนซึงแน่นขึ้น ผมไม่ชอบนอนกอดใครแม้กระทั้งหมอนข้างแต่กับฮยอนซึงผมไม่อยากปล่อยเค้าออกจากอ้อมกอดเลย ผมกลัวว่าถ้าปล่อยเค้าไปแล้วผมจะเสียเค้าไปตลอดกาล
เช้าที่สดใสมากกว่าทุกๆวันในความรู้สึกของผม คนเมื่อคืนที่ผมนอนกอดเค้าไม่อยู่แล้วหละ มีแค่กระดาษโน๊ตแผ่นเล็กสีชมพูอ่อนแปะไว้ที่หัวเตียง ข้อความสั้นๆ น่ารักๆนั้นคงเป็นของใครไปไม่ได้หรอกนอกจากของฮยอนซึง
‘จุนนี่ ผมมีเรียนเช้านะ เลยต้องไปก่อน
ข้าวต้มอยู่ที่โต๊ะแล้วทานก่อนค่อยไปเรียนนะครับ ^^
ฮยอนซึง’
น่ารักแหะ เกิดมาเพิ่งเคยได้โน๊ตก็วันนี้แหละครับ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาทานข้าวเช้าที่ฮยอนซึงอุตส่าเตรียมไว้ให้ บนโต๊ะมีชามข้าวต้มกุ้งน่ากินวางอยู่ มันก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไรหรอกครับ พอทานได้สบายๆ ผมรีบทานจนเสร็จกำลังจะออกไปเรียนแต่แล้วก็เหลือบไปเห็นโน๊ตอีกใบบนโต๊ะเครื่องแปรงลายมือเดิมกับโน๊ตอันที่แล้ว
‘ผมวางเงินไว้ให้แล้วนะครับ
ขอบคุณนะครับที่ทำให้สิ่งที่ผมต้องการเป็นจริง
ขอบคุณที่ยอมเสียเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคนอย่างผม
ขอบคุณครับจุนฮยอง’
‘ผมคงรับเงินซึงอาไม่ได้หรอก ผมไม่ได้ทำอะไรเลย
ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณฮยอนซึงที่ช่วยทำให้ผมรู้อะไรบางอย่าง
…
ปล.ข้าวต้มมื้อนี้อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานเลยครับ ^^’
ผมแปะโน๊ตของผมลงทับที่เดิมของฮยอนซึงแล้วรีบออกไปยังมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ลืมหยิบโน๊ตที่ฮยอนซึงเขียนให้ผมติดมือกลับไปด้วย
ครืด~ ครืดด~~
“ครับ?”
[จุนฮยอง! เมื่อคืนทำไมไม่มาทำงาน! แขกของนายมาโวยร้านแทบแตก!!]
“โทดทีครับ พอดีเมื่อคืนผมท้องเสียหนะ แล้วโทรศัพท์ก็เงินหมด ผมเลยไม่ได้โทรบอกผู้จัดการหนะครับ”
[คืนนี้นายต้องมาให้เร็วกว่าเดิมเข้าใจไหม?]
“คือ...”
[ไม่มีคือ ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น! เข้าใจตามนี้โอเค๊? บาย...ติ๊ด!] เอาเข้าไป วุ่นวายเป็นบ้าแล้วผมจะได้ไปเรียนไหมครับ?...ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวคืนนี้ต้องทำงานดึก ผมกลับห้องไปนอนเอาแรงดีกว่าแต่ก็ไม่ลืมโทรบอกเพื่อนรักให้เช็คชื่อให้ตามเคย
17.30 น. ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางไปทำงานที่โฮสคลับแล้วสินะครับ ผมรีบลงมาจากห้องแล้วเรียกแท็กซี่ไปยังคลับที่ผมทำงานอยู่ วันนี้ผมก็เดินทางไปในเส้นทางเดิมเหมือนกับทุกๆวันแต่แตกต่างกันที่ผมเพิ่งสังเกตว่าคอนโดของฮยอนซึงเป็นทางผ่าน แท็กซี่เคลื่อนตัวไปใกล้คอนโดที่ผมใช้หลับนอนเมื่อคืนกับคนที่ผมเรียกได้แล้วครับว่ารักแรกพบ อะไรบางอย่างในใจมันบอกผมว่าอยากกลับไปที่ห้องนั้นอีกครั้ง อยากกลับไปหากลิ่นหอมอ่อนๆที่ติดตราตรึงอยู่บนเตียงนอนสีขาวสะอาดนั้น
ครืด~ ครืดด~~ เสียงโทรศัพท์เรียกสติผมให้กลับมา ผู้จัดการร้าน เขาคงโทรมาเรียกตัวผมตามเคย
“กำลังจะถึงแล้ว”
[ดี ชั้นก็นึกว่านายจะเบี้ยวงานอีก]
“รู้แล้ว เท่านี้นะ...”
งาน งาน ผมต้องไปทำงานใช่ไหม...ผมต้องไปทำงาน ใช่! ผมต้องไปทำงาน...
“ก๊อกๆๆ”
แอ๊ด~
“อ่าว...”
“เออ...คือ...”
“อ่า...มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“....” นั้นสิ มีอะไรว่ะ?
“ลืมของหรอครับ?”
“อา...ครับ ขอผมเข้าไปในห้องของฮยอนซึงได้ไหม?”
“คะ ครับ เชิญครับ” หลังจากที่ลังเลอยู่นาน เงินผมหาเมื่อไรก็ได้ แต่ความต้องการของใจมันน้อยครั้งนักที่จะมีมา สุดท้ายแล้วผมก็กลับมาหาฮยอนซึงแทนการไปทำงาน
“ลืมอะไรหรอจุน?” นั้นสิผมจะลืมอะไรดีหว่า??
“กุญแจ! ใช่ๆ ผมไม่รู้ว่าผมลืมกุญแจห้องไว้ที่ไหน อาจจะเป็นที่นี้ก็ได้ผมก็เลยมาหาหนะ”
“กุญแจห้อง? งั้นเดี๋ยวผมช่วยหานะครับ” ฮยอนซึงก็ก้มๆ เงยๆ ช่วยผมหาลูกกุญแจที่อ้างว่าทำหายไป แต่จริงๆแล้วมันยังนอนสงบสุขดีอยู่ในกระเป๋ากางเกงผมนี่แหละ เดี๋ยวผมก้มลงไปหาใต้เตียงอีกรอบแล้วค่อยหยิบกุญแจออกมาดีกว่า...
“อืม...หาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ แล้วทีนี้จุนจะนอนที่ไหนหละครับ?”
เอาวะ ลองเสียงมันสักหน่อยเพื่อฟลุคได้นอนที่นี้อีกสักคืน
“นั้นสินะ คงไปนอนหน้าห้องมั่ง ก็ไม่มีที่ไปนี่หน่า”
“นอนหน้าห้องเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี! เอาเป็นว่าจะรังเกียจไหม? ถ้า...ถ้าจะมานอนที่ห้องผม...” นี่แหละที่ต้องการ ผมปล่อยลูกกุญแจนอนลงไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม แล้วรีบตอบตกลงทันที อย่างมีชั้นเชิงนิดๆ
“เออ ผมเกรงใจฮยอนซึง...”
“ไม่เป็นไรหรอกๆ ผมไม่อยากให้จุนไม่สบาย...”
“เป็นห่วงผมหรอครับ?” ผมรู้แล้วหละครับว่าฮยอนซึงเค้าคงชอบผมมาตั้งนานแล้วหละ แต่ขอแกล้งหน่อย
“อา...เออ...คือ...” ตอบไม่ถูกเลยทีเดียว น่าสวยแดงกร่ำอย่างน่ารักน่ากดเป็นบ้าเลย เลิกเล่นดีกว่าเดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหวซะเอง
“หิวข้าวอะ ฮยอนซึงครับไปกินข้าวกันไป” ไม่ต้องตอบเพราะผมลากเขาออกมาแล้ว ร้านอาหารที่ผมเลือกก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดนัก ฮยอนซึงไม่ได้สั่งอะไรมาทานหรอกครับ เขาบอกว่าเพิ่งทานไป ผมก็เกรงใจจะพาเขากลับแต่เขาก็ไม่ยอมกลับ นั่งเป็นเพื่อนผมจนทานเสร็จ เราเดินออกมาจากร้าน ไม่ใกล้ไม่ไกลนักเป็นสวนสาธารณะในยามค่ำคืน ตอนนี้ก็ 19.55น.ผู้คนเริ่มเบาบางจะมีก็แต่หนุ่มสาวมานั่งอยู่ด้วยกัน เราเดินกันไปสักพักทำเลเหมาะที่ผมสังเกตเห็นค่อนข้างลับตาคน ผมรีบจูงมือฮยอนซึงมานั่งบริเวรนั้น เบื้องหน้าของเราทั้งคู่คือท้องน้ำที่สะท้อนแสงดาวออกมาจนเต็มไปหมด ผมเก็บเรื่องราวต่างๆ ความรู้สึกที่ผมมีต่อฮยอนซึงผ่านฝ่ามือที่ยังคงกุมแน่น
“อึก...” เสียงสะอื้นเล็กน้อยของคนข้างตัว ผมรีบหันกลับไปมองทันที ใบหน้าหวานอาบไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตากลมแดงกร่ำไปหมด เกิดอะไรขึ้น! นี่ผมเอาเปรียบฮยอนซึงงั้นหรอ!!
“ซึงอา นายเป็นอะไร! ขอโทษ ผมขอโทษนะ!” ผมรีบดึงตัวมากอดไว้แนบอก เสียงสะอื้นไห้ของเขายิ่งมากกว่าเดิม ความเปียกของน้ำตาซึมผ่านไปยังเนื้อผ้า มันเย็น เย็นจนถึงขั่วหัวใจ น้ำตาของฮยอนซึงมีผลต่อผมมากมายขนาดนี้เลยหรอ?
“อึก...บ้า...นายขอโทษทำไม...ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย...ฮืออ” ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก ฮยอนซึงเป็นอะไร ผมไม่รู้ผมรู้แค่ยิ่งเขาร้องผมยิ่งปวดหนึบไปทั้งร่างกาย
“เป็นอะไร บอกผมได้ไหมครับ?”
“นี้เรื่องจริงใช่ไหมจุนฮยอง...ทั้งหมดที่ผ่านมาระหว่างชั้นกับนายมันเป็นความจริงใช่ไหม? ชั้นแอบรักนายอยู่เงียบๆ ห่างๆโดยที่นายไม่รู้...อึก...แต่ตอนนี้ นายอยู่ตรงหน้าชั้น...บอกชั้นทีนี่ความจริงใช่ไหม...ฮือออ” เรื่องนี้เองหรอ ฮยอนซึงเค้ารักผมมากขนาดนี้เลยหรอ
“อึก...บอกทีว่านี่คือเรื่องจริง...อึก...อื้อออ” สัมผัสอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากตอนแรกว่าจะแค่แตะเฉยๆ แต่ความต้องการของผมมันสั่งให้ผมสัมผัสฮยอนซึงมากกว่านี้ ริมฝีปากอิ่มเปิดรับสัมผัสผมเต็มที่ ความหวานที่ผมคิดไว้ผิดคาดครับ นอกจากความหวานที่ผมได้รับแล้วสัมผัสวาบหวามบางอย่างทำให้ผมอยากทำมากกว่านั้น แต่สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่บอกให้ผมพอแค่นั้น
“คิดว่านี่คือเรื่องจริงหรือว่าความฝันหละ”
“ทำไม...” มือเรียวยกลูบริมฝีปากตัวเอง แล้วเหมือนต้องการจะถามผมทางสายตาว่าทำไมต้องจูบ
“ผมไม่อยากจูบคนที่ผมไม่คิดอะไรด้วย ผมจูบใครต่อใครมาเยอะก็จริง แต่นั้นเฉพาะตอนมีเซ็กซ์เท่านั้น แต่กับฮยอนซึงผมกลับอยากจูบเอง ยังคิดว่านี่คือฝันอยู่ไหม?”
“ไม่จริงอะ...นาย...นายชอบชั้นงั้นหรอ?”
“ไม่เชื่อว่านี้คือความจริงงั้นคงต้องพิสูจน์แล้วหละ...”
“อืมมม” แล้วผมกับฮยอนซึงก็พิสูจน์ว่าเรื่องนี้จริงหรือว่าฝันอยู่หลายต่อหลายครั้ง ถึงได้เวลากลับกันสักที
“จุนฮยอง...ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีชั้น นายจะรู้สึกยังไงหรอ?”
“ถามอะไรบ้าๆ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีซึงกี้ จุนนี่คงไม่อยากมีชีวิตอยู่เหมือนกันนะครับ”
“อืออ...จุนจูบบ่อยไปแล้วน้า” คนสวยของผมยกมือตีผมใหญ่เลยครับ คำถามแปลกๆของฮยอนซึงมันทำให้ผมกลัวยังไงก็ไม่รู้ว่าจะไม่มีเขาอยู่ด้วยจริงๆ เหมือนกับว่าฮยอนซึงจะจากผมไปยังไงยังงั้นเลย
“ก็ปากนายมันน่าจูบนิ ขออีกทีนะ...”
“อืออ..อืมม...”
“แฮ่ก...แฮ่ก...” อากาศของฮยอนซึงใกล้หมดลงผมจึงต้องรีบละออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าขาวที่แดงจัดมันเรียกร้องความต้องการภายในร่างกายของผมให้ชวนลูบไล้ไปทั่วลำคอขาว แล้วแสดงความจับจองในตัวของคนๆนี้ไว้คนเดียว
“จุน! จุน! ไม่! จุนอย่าทำแบบนั้นนะ...ขอร้อง...” แววตาอ้อนวอนแบบนั้นแล้วผมจะกล้าทำอะไรได้หรอครับ
“ครับ...ก็ได้ ผมจะรอวันที่ฮยอนซึงพร้อมนะ”
“รอหน่อยนะ...จุนนี่”
“ครับ” ร่างกายเล็กขยับเข้ามาในอ้อมกอดของผมมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในห้องไม่ได้มีอุณหภูมิที่เย็นจัด ออกจะร้อนด้วยซ้ำ แต่เราทั้งสองคนกลับไม่ยอมที่จะปล่อยให้เป็นอิสระจากกัน
“ขอโทษนะจุนฮยอง...ขอโทษที่ทำให้นายมาผูกพันธ์กับชั้น ขอโทษที่ทำให้นายเสียใจ อีกไม่นาน ไม่นานนายก็จะลืมชั้นได้เองแหละ...” กลางคืนนั้น ท่ามกลางความมืด ภายในอ้อมกอดของชายอันเป็นที่รัก ร่างเล็กพรึมพรำอะไรบางอย่างออกมาภายในห้องที่เงียบนั้น แต่จุนฮยองไม่ได้รู้หรอกว่าคนที่พูดนั้นต้องการที่จะสื่ออะไรออกมา...
ผมกับฮยอนซึงเราตกลงคบกันมาได้ห้าวันแล้วครับ แล้วผมก็เลิกเป็นโฮสแล้วหละเพราะแฟนของผม -/- เขาขอร้องให้ผมเลิกทำ จริงๆถึงแม้ว่าเขาไม่ขอให้เลิกผมก็จะเลิกทำเหมือนกัน มันคงไม่ยุติธรรมสินะครับถ้าเราจะไปกอดกับคนอื่นนอกจากแฟนตัวเอง แล้วที่สำคัญผมตั้งใจไว้แล้วว่าอ้อมกอดของผมตั้งแต่นี้ไปจนตาย ผมยกให้กับฮยอนซีงคนเดียว...
เมื่อไม่ได้ทำงานสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปคือผมอยากเข้าเรียนดังนั้นวันนี้ผมเลยมาเรียนได้สักที อยากรู้นักว่าถ้าพวกเพื่อนๆเห็นผมแล้วมันจะรู้สึกยังไง
“เฮ้ย!! จุนฮยองนายมาเรียนได้ไงเนี่ย!?” คนแรกที่เริ่มโวยวายเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากหนุ่มหน้ามน รอยยิ้มหวาน ลีกีกวัง แล้วก็ดึงให้โยซอบกลับเข้ามารวมกลุ่มกับผม กีกวัง และเพื่อนรักดูจุนได้ พวกเพื่อนผมมันแปลกใจแล้วก็เล่าเรื่องต่างๆนาๆที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผมไม่ได้มาเรียนอย่างเมามันส์ จะมีก็แต่ดูจุนที่เอาแต่ทำหน้าเครียดแล้วจ้องหน้าผมไม่ยอมหยุด
“ดูจุน มองหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่าอยากเป็นเมียกูอะ!” แซวขำๆไปแต่เพื่อนผมมันไม่ขำด้วย ทำให้โยซอบและกีกวังหยุดพูดแล้วหหันมามองที่ดูจุนคนเดียว
“มึงได้ไปที่คอนโด YYY ห้อง801ปะ?” คำถามที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนผมทำให้ผมใจชักไม่ค่อยจะดีแล้วสิ นั้นห้องของฮยอนซึง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฮยอนซึงทำไมดูจุนต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นด้วยหละ?
“มึงถามทำไม?” ผมเริ่มเครียดตามแล้ว
“บอกกูมา คนที่กูรู้จัก เขาเห็นมึงเข้าออกห้องนั้นเป็นประจำแล้วเอามาบอกกู มึงไปที่นั้นทำไม! บอกกูมา!”
“กูไปหาแฟนกู กูผิดอะไร!?” มันเรื่องอะไรกันแน่ ทั้งโยซอบและกีกวังต่างแซวผมยกใหญ่แต่นั้นก็ไม่ได้เรียกให้ผมเลิกมองหน้าดูจุนได้เลย หน้าของเพื่อนรักผมมันซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาหวาดกลัวนั้นทำเอาใจผมเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“กูเอาความจริงไอจุน...กูถามมึงอีกที มึงไปทำอะไรที่ห้องนั้น!?”
“กูก็พูดความจริงแล้วไง ว่ากูไปหาแฟนกู!” ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้นกับฮยอนซึงของผม ดูจุนมันจะแกล้งอะไรผมหรือเปล่า ผมกลัว กลัวอะไรบางอย่างมันจะเกิดขึ้น กลัวทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร!
“แฟนมึง! กูขอถามให้แน่ใจ...ว่าคนๆนั้นใช่ผู้ชายหน้าสวยๆ ตัวบาง ผิวขาวที่ชื่อว่าจาง...ฮยอนซึงไหม?”
“จาง ฮยอนซึง!! เฮ้ย!!!” ทำไมทั้งกีกวังและโยซอบต้องพูดออกมาพร้อมกันแล้วหน้าก็ซีดลงแบบนั้น เกิดอะไรขึ้น!ทำไมทั้งสามคนต้องทำท่าเหมือนกลัวแฟนผมแบบนั้นด้วย! ผมยังไม่ได้ถามอะไรอาจารย์ก็เข้ามาภายในห้องทำให้วงการสนทนาจบลง แต่ความสงสัยของผมมันไม่จบลงง่ายๆ
“ดูจุนมึงมีอะไรก็บอกมา! กูเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ!” ผมกระซิบพูดเบาๆ
“มึงฟังกูนะจุนฮยอง...” จังหวะการเต้นของหัวใจผมมันแรงขึ้นเรื่อยๆตามการพูดของดูจุน
“....”
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว...” อาทิตย์ที่แล้ว? นั้นเป็นวันแรกที่ผมได้รู้จักกับฮยอนซึง เป็นวันแรกที่ผมได้เจอกับเขา
“....”
“มันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น...”
“....”
“คือ...”
“มีอะไรก็พูดมาสิว่ะ! มึงเป็นเชี่ยอะไรกับแฟนกู!!” ดูจุนเริ่มอึกอักและหวาดกลัวมากกว่าเดิม มันทำให้ผมอารมณ์เสียมากขึ้นจนตะโกนออกมาเสียงดังแล้วก็ต้องขอโทษอาจารย์ยกใหญ่
“ใจเย็น จุนฮยองมึงควบคุมตัวเองก่อนอย่าเพิ่งโวยวาย”
“มีไรก็พูดมา!”
“กูขอถามมึงอีกรอบ...มึงไปที่ห้อง801ทำไม?” มันจะย้อนทำไมว่ะ ก็บอกว่าไปหาแฟน ไปหาแฟน!
“ไปหาเมียกู! มึงมีปัญหาอะไรไหม?” ผมลุ้นจนฉี่จะราดแล้วคร๊าบบบ
“”มึงจะบ้าหรอ!?”
“....”
“มึงฟังกูนะ...เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว...ฮยอนซึงแฟนมึงอะ...ถูก’รถชน’แล้วตอนนี้ก็’ตาย’ไปแล้ว!”
“....” ดูจุนพูดอะไร!? เกิดอะไรขึ้น!? รถชน? ตาย? ใครตาย? ใครถูกรถชน? อะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“จุนฮยอง จุนฮยอง เฮ้มมึง!!” เสียงดูจุนวิ่งพลานในประสาทการได้ยิน สมองผมกำลังประมวลผลตามคำพูดนั้น สมองผมมันว่างเปล่าทั้งๆที่ยังคงคิด มือเท้าของผมเย็นลงจนหนาวสั่น ภาพเบื่องหน้าเบลอเหมือนกำลังดำน้ำอยู่ ทุกอย่างตอนนี้ ทุกๆความรู้สึกของผมตอนนี้ผมอยากรู้แค่ว่าเกิดอะไรขึ้น? ดูจุนมันล้อผมเล่นใช่ไหม?
“มึง...มึงอย่ามาล้อกูเล่นนะ...เมื่อคืน...เมื่อคืนกูยังกอดกับเขาอยู่เลย...” ทั้งๆที่คิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องจริงแล้วทำไม? ทำไมผมต้องเสียงสั่นอย่างนั้นด้วยหละ โกหกใช่ไหมที่บอกมาทั้งหมด..มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม!?
“กูถึงถามมึงไงว่ามึงไปทำไมที่นั้น!”
“ไม่จริง!! มึงหลอกกู!!”
“จุนฮยอง!!!” ผมลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป จุดหมายที่ผมอยากไปในตอนนี้คือห้องของฮยอนซึง ผมจะไปหาฮยอนซึง ไปหาให้มันรู้เรื่องไปเลยว่าเรื่องที่ผมได้ยินมานี้มันเรื่องโกหกทั้งหมด เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ความจริง! พรุ่งนี้และตลอดไปมันยังต้องเกิดขึ้นสิ ต่อจากนี้ไปผมกับฮยอนซึงต้องอยู่ด้วยกันสิ!
“ฮะ!...อึก!...” บอร์ดที่ใต้ตึกคณะที่ผมไม่เคยใส่ใจมอง ไม่ได้สังเกตเลยตอนขึ้นเรียน มันแสดงความจริงบางอย่าง ภาพของคนที่ผมรักอยู่ตรงกลางของบอร์ดขนาดใหญ่ มีตัวอักษรมากมายรายล้อมรูปนั้น ใจความที่ถูกเขียนด้วยหลากหลายลายมือ จากหลายๆคน รวมๆใจความที่ได้...มันมีแค่...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
’ไปสู่สุคตินะ...จาง...ฮยอนซึง’
.
.
.
.
.
.
.
บ้า! เรื่องบ้าอะไรกัน!! ไปสู่สุคติอะไร!! เมื่อคืน...เมื่อคืนผมกับเค้ายังกอดกันอยู่เลย!! ผมยังสัญญาอยู่เลยว่าจะรักเขาคนเดียว สัญญาว่าจะกอดเขาคนเดียวไปตลอดชีวิต แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!
ผมยกมือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา แล้วรีบไปยังคอนโดของฮยอนซึงทันที ไปเพื่อหาความจริง ไปให้รู้ชัดว่าฮยอนซึงอยู่กับผม ฮยอนซึงเป็นของผม ฮยอนซึงไม่ได้ไปไหน ...
“ก๊อกๆๆ” ผมนั่งเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องฮยอนซึงมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เวลา14.20น. ไม่มีใครสักคนมาเปิดประตูให้ ผมยังคงให้กำลังใจตัวเอง ฮยอนซึงคงยังไม่เลิกเรียนเดี๋ยวเค้าก็กลับมาแล้ว...เดี๋ยวก็กลับมา...เดี๋ยวเขาก็เห็นผมนั่งอยู่หน้าห้องเองแหละ...เดี๋ยวเค้าก็มา...
“อืม...” ผมหลับไปตอนไหนเนี่ย...ผมยังอยู่ที่เดิมยังคงนั่งอยู่ที่หน้าห้องๆเดิม ประตูห้องก็ยังคงปิดสนิทเหมือนเดิม ตอนนี้เวลา19.55น. ผมตัดสินใจเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง...
“ก๊อก...”
“แอ๊ด~” ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย ภายในห้องนั้นมืดสนิทจะมีก็แค่แสงจากไฟภายนอก ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแล้วมองสำรวจภายในห้อง ไม่มีคนมาเปิดประตู คนที่ผมมาหาเขาไม่ได้เปิดประตูให้ผม แล้วฮยอนซึงไปไหน?
“ปึง~” ผมเดินฝ่าความมืดเข้ามาภายในห้องอย่างคุ้นเคย เดินไปเปิดประตูห้องนอนช้าๆ และหวังว่าฮยอนซึงจะอยู่หลังบานประตูนั้น ประตูถูกเปิดออกเบาๆ ภายในห้องมืดมากกว่าข้างนอก สิ่งที่ผมเห็นคือเงาตะคุ้มๆนั่งกอดเข่า หันหลังให้ผมอยู่บนเตียง แผ่นหลังบอบบางนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายในใจ
หมับ~
ฟอดดด~
“คิดถึงฮยอนซึงจังครับ...” ไม่รอช้าผมเข้าไปกอดร่างบางนั้นทันที ร่างกายที่รักของผมสั่นเทาขึ้นมา แก้มที่ผมหอมไปก็ยังอุ่น ร่างกายก็อบอุ่นมากขนากดนี้ ผมยังเชื่อได้อยู่ไหม? ว่าคนตรงนี้ไม่ใช่คน...
“เป็นอะไรครับ...ใครรังแกที่รักของผมเนี่ย บอกผมได้ไหม?” ผมรู้ รู้ว่าฮยอนซึงก็คงเสียใจไม่ต่างจากผม แต่ผมก็ภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นมันคือแผนเล่นตลกหรืออะไรก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องจริง...
“ขอโทษ...อึก...ขอโทษ...ฮืออ” ฮยอนซึงกระชับแขนผมแน่นแล้วซุกหน้าลงไปร้องไห้ออกมา น้ำตาที่ผมกลั่นเอาไว้ ไหลลงมาเช่นกัน อย่าพูดเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนะ...ขอร้อง...
“ขอโทษ...อึก...เรื่องอะไรครับซึงอา...ผมมาได้โกรธอะไรสักหน่อย”
“อึก...”
“ทำไมไม่เปิดไฟหละครับ เปิดไฟนะผมอยากเห็นหน้าที่รักของผม”
“กริ๊ก!” แล้วจู่ๆไฟในท้องก็สว่างขึ้นมา ผมยอมรับครับว่าผมกลัวแต่อะไรบางอย่างไม่ให้ผมปล่อยฮยอนซึงออก ผมหันหน้าเขามาหาผม น้ำตาของฮยอนซึงไหลลงมาไม่ขาดสาย
“ไม่เอา ไม่ร้องนะ รู้ไหมซึงอา...น้ำตาของนายมันทำให้ผมเจ็บไปถึงหัวใจ อย่าร้องไห้นะครับ...”
“อึก...จุน...ขอโทษ ชั้นขอโทษ”
“ไม่ใช่...”
“รู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”
“....”
“....”
“ผมสีส้มนี่ทำให้นายขาวขึ้นเนอะ...อยากให้นายทำสีเขียวจังแปลกตาดีเนอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมฝืนหัวเราะออกมา ผมไม่อยากยอมรับความจริง
“จุน...”
“นี่ๆซึงอาวันนี้เรากินอะไรกันดี ชั้นอยากกินกับข้าวฝีมือนายจังเลยครับที่รัก^^” ผมเอนตัวลงนอนตักของฮยอนซึงและพยายามไม่รับรู้เรื่องที่เค้าจะพูด
“จุนนี่...”
“เออใช่! วันนี้ผู้จัดการร้านเค้าโทรมาหาชั้นด้วยหละ บอกว่าทางร้านวุ่นวายใหญ่เลย ฮ่าๆๆ คนพวกนั้นคงอิจฉานายแย่เลยที่ได้ครอบครองชั้นไว้คนเดียวแบบนี้^^”
“แต่อีกไม่นาน...นายคงเป็นอิสระแล้วหละ...”
“....”
“จุนฮยอง...คือ...” ผมจะหนีความจริงไปได้อีกนานแค่ไหน ผมยังไม่อยากรับรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของฮยอนซึง
“ฮยอนซึงๆ นายชอบหมาไหม? ชั้นหนะนะอยากเลี้ยงหมามากๆเลยหละ แต่ว่าชั้นก็ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงมันสักทีไม่ค่อยจะมีเวลา แต่ตอนนี้ชั้นมีนายแล้วนายมาเป็นแม่ของลูกเราได้ไหม ชั้นอยากเลี้ยงสักสองตัว...ไม่เอาดีกว่าตัวเดียวก็พอ เพราะยังไงคนที่เลี้ยงลูกอะนะก็คือแม่ ส่วนชั้นที่เป็นพ่อก็จะออกไปหาเงินหางานมาเลี้ยงลูกของเราแล้วก็เมียของชั้นด้วย...นายวะ...”
“พอเถอะจุนฮยอง! นายก็รู้...อึก...ว่ามันเป็นไปไม่ได้...ชั้นตายแล้วได้ยินไหม! ว่าชั้นตายแล้วว! อึก! แล้ววันนี้!...วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ชั้นจะได้อยู่กับนาย พรุ่งนี้ชั้นต้องไปแล้ว!” ผมพูดไม่ทันจบ ฮยอนซึงก็ทำลายกำแพงแห่งความจริงและความฝันที่ผมสร้างขึ้นลง เขาพาผมมาพบกับความจริงที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ความจริงที่ว่าอีกไม่นานผมจะไม่มีฮยอนซึงอยู่ข้างๆ
“นาย...นายอย่าพูดให้มันสวยงามนักเลย...มันไม่มีทางเกิดขึ้น...ชั้น...ชั้นอยู่เป็นแม่ของหมานายมาได้...ฮืออ..นายได้ยินไหม!! ว่าชั้นอยู่เป็นแม่…อยู่เป็นคนที่นายรักไม่ได้!! ฮือออออออ” ผมลืมไป นี่ผมทำร้ายฮยอนซึงโดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมทำให้เขาเจ็บปวดงั้นหรอ นี่ผมทำอะไรลงไป! ฮยอนซึงยกมือปิดหน้าไว้แล้วร้องออกมาอย่างหนัก
“ฮยอนซึง...”
“อึก...” ผมจับมือของเขาออก ใบหน้าที่ว่าแดงอยู่แล้วมันแดงมากกว่าเดิม ผมทำบ้าอะไรของผมเนี่ย อยู่ในความฝันที่สวยงามคนเดียว ลืมคิดว่าฮยอนซึงอยู่ในโลกของความจริง ผมปล่อยคนที่ผมรักให้เจ็บปวดกับความจริง ผมมันเลว! เลวมาก!
“ขอโทษ...ขอโทษ...อย่าร้องเลยนะ...นายไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้...”
“ชั้นตายแล้วจุน!!! ได้ยินไหมว่าชั้นตายแล้ว!!! อืออ” น้ำตาของผมก็ไหลออกมาไม่แพ้ฮยออนซึงเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากฟังแล้วว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเราอยู่ ผมไม่อยากฟัง! จูบที่ผมได้รับครั้งนี้มันเค็มไปด้วยรสของน้ำตาของความเสียใจและเจ็บปวดของเราทั้งสองคน เวลาแค่อาทิตย์เดียวผมรู้สึกรักเขามากกว่าคนที่ผมรู้จักมาเป็นปีด้วยซ้ำ
"นายไม่ตายฮยอนซึง! นายยังอยู่...”
“ชั้นตายแล้ว! นายอย่าหลอกตัวเอ...”
“นายไม่ได้ตาย! นายไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น! นายยังอยู่กับชั้น! นายอยู่กับชั้น...” ผมดึงฮยอนซึงเข้ามากอดทั้งตัวจำนวนน้ำตาของเราในตอนนี้ผมมั่นใจว่าไม่แพ้กันหรอก
“นายอยู่กับชั้น...อึก...นายจะอยู่ในใจชั้นคนเดียวฮยอนซึง...” เราสองคนกอดกันร้องไห้ออกมา
“จุนฮยอง...นาย...นายรักชั้นจริงๆงั้นหรอ”
“ชั้นไม่เคยรักใครได้เท่านายฮยอนซึง!” ผมจริงจังนะครับในประโยคนี้ ผมอยากบอกให้เขารู้ก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสจริงๆ
“จุนฮยอง...” ฮยอนซึงดันตัวเองออกจากอ้อมกอดแล้วจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง
“ครับ...ที่รัก”
“ชั้นรักนายนะ...ชั้นอยากขอครั้งสุดท้าย...ขอ...” เหมือนเขาจะอายอะไรสักอย่างที่จะขอจากผม
“อะไรก็ได้ฮยอนซึงชั้นให้นายได้ทุกอย่าง แม้กระทั้งชีวิต!”
“ชั้น...ชั้นขอเป็นของนาย...ได้ไหม?”
“....”
“....”
“ไม่!”
“ขอโทษ...ที่ขอมากเกิน” ตาสวยตะหวัดมองผมทันที แล้วก้มหลบสายตาผมไป
“นายจะไม่เป็นของชั้น...”
“รู้แล้ว...ชั้นรู้แล้ว...”
“ชั้น...จะไม่เป็นของนาย...”
“ชั้นรู้แล้ว! ใครหละมันจะอยากได้แฟนเป็นผี!” ผมทำเขาร้องไห้อีกแล้วครับ
“แต่เราจะเป็นของกันและกัน!!”
“อ๊ะ!!” สิ้นประโยคผมเข้าทาบทับร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าผมกับเขาจะจูบกันบ่อยแต่ครั้งนี้มันรุนแรงและหนักหน่วงมากกว่าเดิม ร่างกายของเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วในคืนนี้ สัมผัสทุกอย่างเต็มไปด้วยความรักจริงๆ ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเพราะความรักของผมกับเขา มันเป็นครั้งแรกของฮยอนซึง...ผมรู้...แล้วมันคงเป็นครั้งสุดท้ายของเขา...และครั้งสุดท้ายของผมกับคนที่รักด้วย...
“ฮยอนซึง”
“อือ...”
“เจ็บไหม?”
“บ้า! นายถามบ้าอะไรเนี่ย!” -///-
“หืม? นายเป็นอะไร? คิดอะไรอยู่เนี่ย?”
“แล้วนายถามบ้าอะไรเล่า!” -///- คนสวยของผมเขาตีเข้าที่หน้าอกผมเต็มแรง อดไม่ได้จริงๆที่จะดึงเข้ามากอดให้แน่นกว่าเดิม
“ชั้นถามว่าตอนนั้น...นายเจ็บไหม?”
“ตอนนั้น...หมายถึงอะไรหรอจุนฮยอง?”
“ตอนโดนรถชน...นายเจ็บไหม?”
“อืมม...ไม่รู้สิ มันว่างเปล่า โล่งๆ ไม่รู้สึกอะไรนะ รู้อีกที่ก็เห็นคนเขามามุงดูแล้วก็พาไปไหนสักที่หนึ่ง”
“....”
“....”
“นาย...นายรอชั้นนะ”
“หมายความว่าไง?”
“ชั้นจะไปอยู่กับนาย”
“อย่านะ! อย่าทำบ้าๆแบบนั้นนะจุนฮยอง!” ฮยอนซึงลุกขึ้นนั่งมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“ชั้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย”
“อย่างี่เง่าจุนฮยอง! นายบอกชั้นเองนะว่าชั้นจะอยู่ในใจนายตลอด แล้วนายจะอยู่ไม่ได้ได้ไงห๊ะ!”
“แต่ว่า...”
“ชั้นอยู่กับนาย ตราบใดที่นายยังไม่ลืมชั้น ชั้นก็จะอยู่กับนาย...” ฮยอนซึงลดตัวลงมานอนกอดผมเหมือนเดิม ผมยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมนุ่มลื่นนั้นเบาๆ
“นายจะไปเมื่อไร?”
“พรุ่งนี้เช้า...”
“หรอ...” เหมือนว่าตัวเองกำลังจะเสียความเป็นตัวเองไป รู้สึกว่าห้องนอนตอนนี้มันมืดมิดไปหมด ไม่เห็น ไม่รับรู้อะไรแล้ว พรุ่งนี้จะไม่มีฮยอนซึงแล้วหรอ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วงั้นหรอ น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง และฮยอนซึงเองก็เช่นกันใบหน้าที่แนบกับแผ่นอกผมเปียกหยาดน้ำตาของเขา ครั้งนี้ผมไม่บอกให้เขาหยุดร้องเพราะผมเองก็ร้องออกมาเช่นกัน
“ซึงอา...นอนเถอะนะ”
“อือ นายด้วยหละ”
“ครับ”
จุ๊บ~ ฮยอนซึงยืดตัวขึ้นมาจุ๊บปากผมเบาๆ แล้วก็ซุกใบหน้าเข้ากับอกผมอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเขาหลับหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากหลับเลย ผมกลัวว่าถ้าผมลืมตามาอีกที ฮยอนซึงจะไม่อยู่แล้วจริงๆ...
“ฮยอนซึง!!!!!!” สัมผัสบางอย่างทำให้ผมรู้สึกตัว
ฟิ้ว~
“รักนายนะจุนนี่...ลาก่อน...” ลมที่พัดผ่านมาจากหน้าต่างตรงระเบียงมันมาพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาของฮยอนซึง ผมไม่ได้คิดไปเอง ผมได้ยินจริงๆ
“ฮยอนซึง!! นายอยู่ไหน!! ออกมาหาชั้นนะฮยอนซึง!” เวลานี้จุนฮยองเหมือนกับคนเสียสติ เขาวิ่งไปรอบๆห้อง เปิดประตูทุกประตู หวังเพียงเพื่อเปิดออกมาแล้วจะเจอกับเธอคนนั้นที่ได้จากไปแล้ว...
“ฮยอนซึง...อึก..นายกลับมาหาชั้น กลับมา อย่าทำแบบนี้สิฮยอนซึง อย่าจากชั้นไป ฮยอนซึง...” เสียงเรียกชื่อซ้ำๆซากๆดังกังวานอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่หลงเหลือสัมผัสของคนที่รักไว้ ทุกๆเรื่องราวถูกฉายออกมาพร้อมๆกับน้ำตาของผู้ชายคนหนึ่งที่จะมีให้คนที่เป็นที่รักได้
“จุนฮยอง!” เสียงของใครคนหนึ่งเรียกชื่อผมจากหน้าประตู
“ฮยอนซึง!!” เรื่องทั้งหมดมันคือความฝันใช่ไหม? ใช่! มันต้องใช่แน่ๆเลย! ก็ตอนนี้ฮยอนซึงเรียกชื่อผมอยู่ด้านนอก!
“อยู่นี่นี้เอง ชั้นตามหมนายซะทั่วเลย ไปกันเถอะได้เวลาแล้ว”
“กีกวัง...นายมาที่นี้ทำไม”
“ไปเถอะจุนฮยอง”
“ไปไหน?”
“วันนี้เขาจะทำพิธีกันวันสุดท้าย ไปกันเถอะชั้นโทรบอกดูจุนกับโยซอบแล้วหละว่าจะพานายไป...”
“....”
“...ไปลาฮยอนซึง...”
ลานหญ้าสีเขียวสด เต็มไปด้วยป้ายปูนสีขาวมากมายรายรอบอยู่รอบๆตัวผม กล่องรูปทรงสี่เหลี่ยมถูกวางลงไปในดินนั้น แล้วสีขาวของกล่องสี่เหลี่ยมก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีดำของดินและสีขาวของปูน ปิดกั้นร่างคนที่ผมรักไว้ในนั้น สิ่งที่เหลืออยู่คือหัวใจที่ผมมีเขาอยู่ภายในนั้น...
“คุณคือคุณจุนฮยองใช่ไหม?” ผู้ชายหน้าคมคนหนึ่งเดินมาหาผม
“ครับ”
“ผมชื่อดงอุนครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ฮยอนซึง ผมคิดว่าผมควรจะเอาของสิ่งนี้ให้คุณนะครับ” ดงอุนยื่นสมุดสีชมพูมาให้ผมแล้วเขาก็เดินจากไป
ที่เดิมที่ผมกลับมาคืดห้องของฮยอนซึง ตอนนี้ถูกทางบ้านของฮยอนซึงประกาศขายออกไปแล้วผมจึงยืมเงินของดูจุนมาซื้อห้องนี้ไว้ ผมกลับมานั้งที่เตียงเดิมที่เมื่อคืนยังมีเราอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้บนเตียงนี้เหลือผมอยู่คนเดียว ผมเปิดสมุดที่ดงอุนให้ผมมาเปิดออกดู หน้าแรกของสมุดถูกเขียนไว้ด้วยลายมือที่คุ้นตาว่า
‘บันทึกรักของจางฮยอนซึง^^’ น่ารักไหมครับคำนี้ ในนี้มันจะมีอะไรบ้างน้า...
‘วันที่01/06/2011 ผมเริ่มเขียนสมุดเล่มนี้ครั้งแรก เพราะอะไรผมถึงเขียนหรอ? เพราะผมไปเจอคนคนหนึ่งเข้านะสิครับ เขาชื่อว่ายง จุนฮยอง พบรู้สึกตื่นเต้นจังตอนเจอเขา เขามาช่วยผมตอนที่ผมซุ่มซ่ามจะถูกรถชน เขาหล่อดีนะผมชอบ^///^ ไว้ผมจะมาเขียนใหม่นะครับ’
เรื่องราวในสมุดบันทึกเล่มนี้เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วก็ถูกเขียนด้วยเรื่องราวซ้ำๆ ว่าฮยอนซึงเจอผมที่ไหน ตอนนั้นผมทำอะไร เรื่องบางเรื่องผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมเคยทำด้วยหรอ แต่เขาก็เขียนไว้ทุกๆรายละเอียดกระทั้งเสื้อผ้าที่ผมใส่ในแต่ละวัน
ผมปิดสมุดเล่มนั้นลง มันทำให้ผมรู้ว่าผมพลาดโอกาสดีๆไปเยอะเลย ฮยอนซึงอยู่ใกล้ตัวผมแค่นี้แต่ผมกลับไม่เคยมอง พอถึงเวลาที่ผมจะมองฮยอนซึงกลับมาจากผมไป ผมจะอยู่ที่ห้องนี้ ห้อง801 คอนโดYYY ของทุกอย่างในห้องจะยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่มีการขยับเคลื่อนย้ายใดๆ
...เพราะที่นี่คือที่แรกที่ทำให้ผมเจอกับฮยอนซึง และเป็นสถานที่ที่ผมใช้บอกลาเค้าไปตลอดกาล....
~The End~
ผลงานอื่นๆ ของ The face ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ The face
ความคิดเห็น